top of page

คุยกันหลังเกม PAL 0-2 LIV


ซาลาห์

คริสตัล พาเลซ 0-2 ลิเวอร์พูล

สนาม Selhurst Park


สถิติก่อนเกม

  1. คริสตัล พาเลซ แพ้ 3 เกมลีกหลังสุดที่ลงเล่นในบ้านพบกับ ลิเวอร์พูล

  2. ลิเวอร์พูล เอาชนะ คริสตัล พาเลซ ได้ 4 จาก 5 นัดหลังสุดที่พบกันใน พรีเมียร์ลีก

  3. ลิเวอร์พูล ไม่แพ้ถึง 27 จาก 30 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก

  4. ทั้ง 2 ทีมเคยพบกันในคืนวันจันทร์ ในเดือนพฤษภาคม 2014 โดย ลิเวอร์พูล ออกนำไปก่อนถึง 3-0 ก่อนจะโดน คริสตัล พาเลซ ตีเสมอ 3-3

  5. คริสตัล พาเลซ เก็บชัยชนะได้ตลอด 4 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก

  6. ลิเวอร์พูล เก็บคลีนชีตได้ 5 จาก 7 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก



Crystal Palace Manager: R. Hodgson #11ตัวจริง

  • 13 W. Hennessey

  • 12 M. Sakho

  • 5 J. Tomkins

  • 3 P. van Aanholt

  • 15 J. Schlupp

  • 29 A. Wan-Bissaka

  • 18 J. McArthur

  • 10 A. Townsend

  • 4 L. Milivojević

  • 17 C. Benteke

  • 11 W. Haha


#ตัวสำรอง

  • 9 A. Sørloth

  • 2 J. Ward

  • 7 M. Meyer

  • 14 J. Ayew

  • 8 C. Kouyaté

  • 31 Guaita

  • 34 M. Kelly


Liverpool Manager: J. Klopp #11ตัวจริง

  • 13 Alisson

  • 4  V. van Dijk

  • 26  A. Robertson

  • 12  J. Gomez

  • 66  T. Alexander-Arnold

  • 7  J. Milner

  • 14  J. Henderson

  • 5  G. Wijnaldum

  • 8  N. Keïta

  • 9  Roberto Firmino

  • 11  Mohamed Salah

  • 10  S. Mané


#ตัวสำรอง

  • 14 J. Henderson

  • 20 A. Lallana

  • 15 D. Sturridge

  • 18 Alberto Moreno

  • 22 S. Mignolet

  • 23 X. Shaqiri

  • 32 J. Matip


นาทีเปลี่ยนตัว

Crystal Palace

  1. 70 A. Sørloth > C. Benteke

  2. 79 J. WardA. > Townsend

  3. 83 M. Meyer > J. Schlupp


นาทีเปลี่ยนตัว

Liverpool

  1. 67 J. Henderson > J. Milner

  2. 87 A. Lallana > N. Keïta

  3. 90 D. Sturridge > Roberto Firmino

ผู้ทำประตูลิเวอร์พูล

เจมส์ มิลเนอร์ (จุดโทษ) (45')

ซาดิ โอมาเน่ (90')


CP

ใบแดง

อารอน วัน-บิสซาก้า (76')

ใบเหลือง

แพคทริก ฟาน อานฮอล์ส (42')


LIV

ใบเหลือง

อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (52')



เกมนี้เป็นเกมที่สองในพรีเมียร์ลีกของลิเวอร์พูล ที่เดอะค็อปหลายคนกังวลในว่าทีมจะเป็นอย่างไร แม้นัดแรกจะชนะเวสต์แฮมในบ้านอย่างสวยงาม และนำเป็นจ่าฝูงชั่วคราวหนึ่งสัปดาห์ และการเล่นในมันเดย์ไนท์ลิเวอร์พูลก็มีสถิติที่ไม่สวยงามนัก และคริสตัลพาเลซในฤดูกาลนี้ก็สุดแกร่งเหลือเกิน นอกจากไม่เสีย ซาฮา ซึ่งเป็นผู้เล่นคนสำคัญไปแล้ว ยังคว้าตัวใหม่อย่างมักซ์ เมยอร์ มาร่วมทีมด้วย


ลิเวอร์พูลยังคงใช้ 11 ตัวจริงจากชุดชนะเวสต์แฮม ในขณะที่ม้านั่งสำรองมิโญเล่ต์กลับมาเป็นเบอร์สอง เพราะคาริอุสมีข่าวว่าจะย้ายไปในแบบยืมตัวสองปี กับทีมเบซิตัส


เปิดเกมขึ้นมาลิเวอร์พูลเล่นอย่างระมัดระวัง พยายามคุมเกม ต่อบอลสั้นจากแดนหลังขึ้นมา โดยมีเคียต้าผู้เล่นหมายเลขแปดคอยจ่ายบอลขึ้นทางว้ายโดยมีโรเบิร์ตสัน กับมาเน่ ทะลุทะลวง ด้านขวาอาร์โนลด์ดูเหมือนจะได้รับอนุญาตให้โยนบอลเข้ากลาง แต่ก็ไม่ขึ้นจนสุดเส้นหลัง ความแม่นยำในการโยนยังไม่ดีนัก

คู่เซ็นเตอร์ฮาร์ฟของลิเวอร์พูล ฟานไดจ์และโกเมซ เล่นเข้าขากันทั้งการสกัดลูกกลางอากาศและตัดบอลภาคพื้นดิน

ไวจ์นัดดุมเป็นตัวคอยปัดกวาดแดนกลาง มิลเนอร์คอยสนับในเกมรุกและรับ ซาลาห์โดนประกบติดตามแบบแผนที่เป๊ปเคยกล่าวในสารคดีที่แสนฮือฮาที่จะออกกับช่องอเมซอน ส่วนเฟอร์มิโน่คอยเชื่องเกมและเป็นตัวแรกที่จะวิ่งเพรสซิ่งจากแดนหน้า


คริสตัลพาเลซ ตั้งรับเหนียวแน่น ใช้ความสามารถของซาฮา และทาวด์เซ่นพาบอลปั่นป่วนแดนหลังของลิเวอร์พูลได้เป็นอย่างมาก โดยมีเบนเทเก้คอยพักบอลตรงกลางสนาม ขณะที่ผู้เล่นเก่าอย่างซาโก้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ความนิ่ง การสกัดบอล และการดักทาง ทำให้สามประสานของเรา มาเน่ เฟอร์มิโน่ และซาลาห์ ทำเกมได้ไม่เต็มพิกัดนัก


การมาเล่นในเซลเฮิสต์ปาร์คไม่ใช่งานง่ายแน่นอน ฮอดจ์สัน กุนซือทาถูของคริสตัลพาเลซ วางระบบของทีมได้เหนียวแน่นเป็นอย่างมาก เป็นทีมที่คู่ต่อสู้ต้องพบความยากลำบากที่เล่นด้วย ซึ่งเห็นในนัดแรกที่พวกเขาถลุงน้องใหม่อย่างฟูแล่มคาถิ่นมาแล้ว เกมนี้ลิเวอร์พูลแม้จะครองเกมได้ มีโอกาสยิงได้มาก แต่กำแพงแก้วของพญาอินทรีย์นั้นแน่นหนาเหลือเกิน การโยนเข้ามาหน้าเขตประตูแทบจะทำอะไรไม่ได้ และการเจาะภาคพื้นดินก็ยังดูตื้อๆ แน่นอนการเล่นรัดกุมของลิเวอร์พูลเองก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการเล่นที่จะไม่ประมาทคู่แข่งที่มีความเคี่ยวคม



จนกระทั่งท้ายเกมครึ่งแรกซาโก้ไปสอยข้อเท้าของซาลาห์ล้มลงในเขตโทษ ทำให้ลิเวอร์ลได้จุดโทษ สังหารโดยกัปตันทีมมิลเนอร์ เฮนเนสซีพุ่งผิดทาง ลิเวอร์พูลขยับขึ้นนำก่อนในช่วงเวลาที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง


ครึ่งหลังเป็นไปตามคาดคือคริสตัลพาเลซเปิดเกมรุกมากขึ้นและมีจังหวะป้วนเปี้ยนหน้าเขตประตู จนได้ลูกยิงตรงกรอบและอลิซอนเซฟเข้าซองไม่มีหลุด และมาได้ลูกฟรีคิกตรงกรอบเขตโทษ แล้วก็เป็นอลิซงที่ขยับ แล้วบินปัดออกจากกรอบก่อนบอลโค้งอ้อมกำแพงเกือบเบียดเสาเข้าไป จังหวะนี้หลายคนคิดถึงคาริอุสขึ้นมาทันใด ส่วนลูกเตะมุมทั้งอลิซง และกองหลังก็เคลียร์ออกไปจนกลายเป็นลูกสวนกลับหลายลูก และการสวนกลับหลุดเดี่ยวของซาลาห์ก็เรียกใบแดงจากคริสตัลพาเลซจนได้ ทำให้การเปลี่ยนตัวเฮนโด้ลงมาแทนมิลเนอร์ทำงานง่ายขึ้นไปอีก



แต่เกมของพาเลซที่ต้องการเอาประตูคืนก็ยังครองบอลเข้าใส่ลิเวอร์พูลแม้เหลือสิบคน จนกระทั่งนาทีท้าย ลิเวอร์พูลสวนกลับจากลูกเตะมุมอีกครั้ง ซาลาห์ที่ดูเหมือนจะเล่นไม่ออกในแมตซ์นี้แต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสองประตู และเรียกอีกหนึ่งใบแดง โดยแอสซิสบอลสวนกลับให้มาเน่หลุดเดี่ยวจากกลางสนาม แซงกองหลังและกระชากหลบเฮนเนสซีส่งบอลเข้าสู่ตาข่าย ทำให้ลิเวอร์พูลปิดเกมในครึ่งหลังอย่างเบ็ดเสร็จ



จบเกมลิเวอร์พูลเอาชนะพาเลซ ขึ้นไปจ่ออันดับสองรองจากซิตี้จนได้ แม้จะผ่านไปเพียงสองนัด แน่นอนการแข่งขันยังอีกยาวไกล แต่การเริ่มต้นฤดูที่ดีก็ทำให้อนาคตดูมีความหวังไม่น้อย เพื่อนๆ คิดอย่างไรกับเกมนี้กันบ้างลองแลกเปลี่ยนกันดูนะครับ


Player Key



สถิติการผ่านบอลของอลิสซง เบ็คเกอร์ V คริสตัล พาเลซ

  • ผ่านบอลทั้งหมด 23 ครั้ง

  • สำเร็จ 21 ครั้ง (91.3%)

  • ผ่านบอลยาว 9 ครั้ง สำเร็จ 7 ครั้ง (77.78%)

ไม่ต้องสงสัยในตัวอลิซง เบ็คเกอร์ เลยกับค่าตัวผู้รักษาประตู เขาทำให้กองหลังไม่ต้องพะวักพะวงกับเกมรับ จากลูกส่งคืน หรือจังหวะป้องกันผิดพลาด รวมไปได้การส่งบอลด้วยเท้าที่แม่นยำมากๆ ทั้งลูกระยะสั้น ระกลาง และระยะไกล สมาธิของเขาดีจนน่าทึ่ง ทำให้การซื้อของดีในราคาสมเหตุผลจบลงไป แม้จะต้องดูกันไปยาวๆ แต่การเริ่มต้นที่ดีก็ย่อมสร้างความมั่นใจได้มากกว่า




Naby Keita

  • 3 shots

  • 1 key pass

  • 5 tackles

  • 1 interception

  • 8 possession gains

  • 83 touches

  • 20/23 attacking 3rd passes (ผ่านบอลในพื้นที่เกมรับฝ่ายตรงข้ามสำเร็จ 20/23 คร้ง)

  • 86% passing accuracy

นาบี เคียต้า ลงเล่นนัดนี้เป็นนัดที่สอง เราเห็นแล้วว่าเขามีดีพอจะสวมบทบาทหมายเลข 8 แม้นัดนี้เขาจะลงต่ำ และไม่ได้ทำเกมเท่านัดแรก แต่ทักษะการเล่นทำให้ลิเวอร์พูลสามารถสร้างโอกาสทำประตู และยังเห็นข้อผิดพลาดในลูกส่งคืนหลังอยู่ก็ตาม


Virgil van Dijk's vs. Crystal Palace:

  • 100% tackles won

  • 92.4% pass accuracy

  • 91 touches

  • 10 successful long balls

  • 9 aerial duels won

  • 8 clearances

  • 2 tackles

  • 1 clean sheet

ผลงานวันนี้ของฟานไดจ์ ส่งให้เขากลายเป็นแมนออฟเดอะแมตซ์ ผลงานดีจริงๆ


LFC Data: ผลงานคู่เซนเตอร์แบ็ค Virgil van Dijk & Joe Gomez เกมพาเลซ

  • 9 aerial duels won

  • 5 tackles won

  • 3 interceptions 9 clearances 92% and 90% passing

นัดนี้ไม่พูดถึงคู่เซ็นเตอร์ ฟานไดจ์ กับโกเมซ ก็คงเป็นไปไม่ได้ ผลงานดีเหลือเกิน โกเมซเล่นแบบนี้ ลอฟเลนหายเจ็บกลับมาอาจจะเบียดได้ยากเหมือนกันนะครับ 


Comments


Recent Posts
Archive
Search By Tags
Follow Us
  • Facebook Basic Square
  • Twitter Basic Square
  • Google+ Basic Square
bottom of page