top of page

Leicester 1 - 2 Liverpool

Leicester City 1 - 2 Liverpool



สถิติก่อนเกม

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันเสาร์ที่ 1 กันยายน 2018


  1. เลสเตอร์ ลงเล่นในบ้านเอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ 3 จาก 4 เกมหลังสุด แต่นัดล่าสุด พวกเขาพ่ายคาบ้าน 2-3

  2. ในฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูล ชนะ เลสเตอร์ 8 จาก 12 นัดหลังสุดที่เจอกัน ซึ่งทางด้าน เลสเตอร์ แพ้จ่าฝูงลีกในขณะนั้นๆ 10 นัดติดต่อกันแล้ว ยิงได้เพียง 4 ประตู และเสียไป 25 ประตู

  3. ลิเวอร์พูล ทำสถิติไม่เสียประตูใน พรีเมียร์ลีก มา 4 นัดติดต่อกันแล้ว โดยสถิติสูงสุดที่พวกเขาทำได้คือ 8 นัดในปี 2005

  4. ลิเวอร์พูล ยังไม่เคยชนะ 4 นัดแรกติดกันใน พรีเมียร์ลีก มาก่อน ฤดูกาลสุดท้ายที่พวกเขาทำได้เกิดขึ้นในฤดูกาล 1990/1991 สมัยยังเป็นดิวิชั่น 1

  5. อลิสซน อาจจะกลายเป็นนายทวารคนที่ 4 ของ พรีเมียร์ลีก ที่สามารถเก็บคลีนชีต 4 นัดแรกคิดกัน ต่อจาก อเล็กซ์ แมนนิงเกอร์, อันเดรียส ลินเดการ์ด และ เปเป้ เรน่า

  6. เจมี่ วาร์ดี้ ที่จะไม่ได้ลงสนามเนื่องจากติดโทษแบน มีสถิติยิงประตู ลิเวอร์พูล ได้ถึง 7 ประตู


Player ratings

Leicester: Schmeichel (6), Ricardo Pereira (5), Morgan (5), Maguire (5), Chilwell (8), Mendy (6), Ndidi (8), Albrighton (6), Maddison (8), Gray (6), Ghezzal (7)

Subs: Amartey (6), Iheanacho (7), Okazaki (6)


Liverpool: Alisson (6), Alexander-Arnold (6), Gomez (9), van Dijk (7), Robertson (7), Wijnaldum (6), Henderson (6), Milner (6), Salah (6), Firmino (7), Mane (7)

Subs: Matip (6), Keita (6), Shaqiri (6)

Man of the match: Joe Gomez


คุยกันหลังเกม


หลายคนคงเห็นผลการแข่งขันในวันนี้แล้ว และมีเหตุการณ์ที่กลายเป็นหัวข้อสนทนาสำคัญ มากกว่าการได้ประตูของเรา นั่นคือจังหวะการเสียประตูของอลิซน


อย่างที่เรารู้ดีว่าอลิซนมีสไตล์การเล่นด้วยเท้า การครองบอล การจ่ายบอลสั้นและยาว เขาคือผู้รักษาประตูสไตล์ที่เราต้องการ ถ้าไม่คิดเฉพาะจังหวะการเซฟมากมายของเขาแล้ว ค่าตัวมหาศาลที่เราจ่ายไป ก้คือการครองบอลด้วยเท้าของเขานี่แหละครับ แล้วแน่นอนว่ามันจะตามมาด้วยข้อผิดพลาดมากมาย ซึ่งเราเองก็รู้ว่าวันนึงมันต้องเกิด แล้วในที่สุดมันก็เกิดขึ้นในการพบกับเลสเตอร์


ผมรอให้แฟนบอลหายกัวร้อนกันก่อน คิดว่าประเด็นนี้น่าจะมีการพูดคุยอย่างกว้างขวาง บางคนบอกว่ามันจะเป็นบทเรียนชิ้นสำคัญ บางคนบอกว่าสุดท้ายแล้วถ้าไม่มีการแก้ไขเรื่องนี้มันจะวยลูปเหมือนกับปัญหาเดิมๆ ที่ทีมต้องเจอมา

ผมขออธิบายง่ายๆ ถึงเรื่องนี้นะครับ ถ้าเราดูหลังฉากในการให้สัมภาษณ์ของคล็อปป์


“เราไม่ควรใช้งานเขาในจังหวะที่ไม่ถูกไม่ควร - เขาไม่ใช่ทางในการแก้ปัญหา เขาเป็นออพชั่นทางเลือก (ที่จะส่งบอลให้) แต่เราทำมันมากเกินไป และถ้าเราเสียลูกที่สอง เราทั้งหมดต้องรับผิดชอบกับมันด้วย"


"เรื่องนี้มีแต่แง่บวกนะ เขาเป็นผู้เล่นที่ดี"


"เราทั้งหมดทุกคนต้องเรียนรู้ร่วมกันที่จะใช้งานเขาในช่วงเวลาที่ถุกต้องเหมาะสม - ผ่านบอลไปให้ มันก็ใช่ แต่ต้องขยับหาทางเลือกให้เขาเล่น หรือ ช่วยขยับหาช่องจ่ายให้เขาด้วย”


สัมภาษณ์นี้ถือเป็นการปกป้องลูกทีมที่ดี คล็อปป์ไม่ได้ทำแบบนี้เฉพาะอลิซนนะครับ แต่ปกป้องทุกคนเวลามีข้อผิดพลาด คล็อปป์มองว่าปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากความผิดส่วนบุคคลเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการตัดสินใจพลาดจากทุกๆ ตำแหน่ง จนกระทั่งมาสู่จุดที่วิกฤติ ซึ่งนำไปสู่การเสียประตู หรือสูญเสียความมั่นใจต่อเกม


ดังนั้นจังหวะแบบนี้จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างแน่นอน เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดเรื้อรังในอนาคต

นอกจากนั้นตัวอลิซนกับฟานไดจ์ก็มีการเคลียร์ใจกับลูกที่เสียลูกนี้


"ในห้องแต่งตัว ผมกับ เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค คุยกันหนักมากเพื่อหาทางออกร่วมกัน และเขาก็ยอมรับว่าส่งคืนหลังให้ไม่ค่อยดี พวกเราทั้งคู่ยอมรับและพร้อมแก้ไขเพื่อยกระดับการเล่นร่วมกันให้ดีขึ้นทุกฝ่าย”

หากเราจะบอกว่าแน่นอนลูกที่ฟานไดจ์คืนกลับหลังลูกนี้ผิดตำแหน่งไปมาก กองหน้าสองคนค้ำกองหลังเราอยู่ การไม่ส่งบอลขึ้นหน้าเพราะต้องการครองบอลเพื่อทำเกมต่อเนื่อง จึงคืนหลังในตำแหน่งที่เล่นยาก อลิซนเองออกมายอมรับว่าเขาก็อ่านเกมพลาด เขาสามารถเตะท้ิงแล้วมาตั้งต้นกันใหม่ อาจจะเป็นลูกทุ่มหรือเตะมุม บทเรียนนี้บอกอลิซนว่าหนึ่งความเร็วของกองหน้าในพรีเมียร์ลีกต่างจากที่อิตลีหลายเท่า บทเรียนที่สองผู้ตัดสินไม่ได้ปกป้องผู้รักษาประตูเท่าที่ควร แน่นอนว่าจังหวะนี้การแย่งบอลค่อนข้างใสสะอาด แม้จะ Iheanacho จะใช้มือเปะปะไปบ้าง


การเสียประตูนี้แม้จะทำให้ไม่ได้คลีนชีต หรือรักษาสถิตไม่เสียประตูยาวนานต่อเนื่องสี่เกม แต่มีค่ามหาศาลกับทีมและอลิซน มันอาจจะมีค่ามากกว่าเราเก็บคลืนชีตได้เสียอีก เพราะการพลาดครั้งนี้ยังสามารถประครองไปจนจบเกมแล้วคว้าสามแต้มมาได้ มันเป็นข้อเท็จจริงที่ว่าเหตุการณ์นี้สร้างความเสียหายหนัก ถึงขั้นทำให้ทีมเสียโมเมนตัมในเกมก็เป็นไปได้ แต่สุดท้ายเมื่อจบเกมไม่ส่งผลกับการแข่งขัน ทีมยังชนะ หลังจากเสียประตูอลิซนก็ระวังมากขึ้น เขาไม่แสดงความรนรานออกมา ลูกที่เสียไปกลายเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้ตัวอลิซนและทีมตระหนักถึง มองในแง่ดีเหตุการณ์นี้น่าจะทำให้ทีมก้าวไปอีกขั้นก็เป็นได้


ผลการแข่งขันนัดนี้มีตุที่น่าสนใจสองสามจุด จุดแรก ทีมเปลี่ยน 11 ตัวจริงจากสามนัดแรก เพเราะว่าไปแล้วนัดที่ชนะไบร์ทตันมาได้ ก็เห็นว่ากองกลางค่อนข้างตัน วันนี้เราจึงเห็นกัปตันทีมลงเป็นตัวจริงนัดแรก และเคียต้านั่งเป็นสำรอง ซึ่งในครึ่งแรกทำได้ดีมาก นำสองประตูจากการประสานงานจากด้านหลัง ถ่ายบอลไปมาจากฝั่งซ้ายไปขวาแล้วมาจบที่ฝั่งซ่ายโรเบิร์ตสันทะลวงกองกลางเข้าไปจ่ายบอลที่กองหลังเลสเตอร์สกัดไม่ดีทำให้มาเน่ฉวยโอกาสยิงเต็มๆ เข้าไป

หลังเสียประตูเลสเตอร์เริ่มปิดช่องการจ่ายบอลของลิเวอร์พูล แต่ทีมก็สวนขึ้นไปยิงจนได้ลูกเตะมุมอยู่สองสามครั้ง และมาได้ปรตูจากลูกเตะมุมก่อนหมดเวลาครึ่งแรก เป็นช่วงเวลาที่วิเศษมาก แล้วทำแบบนี้สองเกมจากสี่นัดแล้ว

มาเน่ยิงไปสี่ประตู เฟอร์มีโน่เบิกประตูแรกของฤดูกาลได้สำเร็จ (นี่ยังไม่คลิกกันนะเนีย)


ครึ่งหลังเลสเตอร์ลงมาตั้งใจจะทวงประตูคืนให้เร็ว กดดันลิเวอร์พูลอย่างหนัก กองกลางเริ่มรวน เก็บบอลจากแดนหน้าไม่ได้ และมาเสียประตูจากการแย่งบอลมาจากอลิซน ทำให้เกมดูระส่ำไปเลยทีเดียว


ต้องบอกว่าคราวนี้คล็อปป์แก้เกมเร็วขึ้นโดยส่งเคียต้าลงมาแทนเฮนโด้ และชาคีรีลงมาแทนซาลาห์ ชาคีรีลงมาไม่ได้ทำหน้าที่เกมบุกนะครับ แต่ลงมาเก็บบอลแล้วลากเลื้อยไปจบที่ฝั่งซ้าย เราจึงไม่ได้เห็นเกมรุกจากชาคีรี แต่นั่นทำให้เห็นว่าชาคิรีเล่นตามคำสั่งได้อย่างดี และปิดแมตซ์ด้วยการส่งมาติปลงมาแทนอาร์โนลด์ แล้วถ่างโกเมซไปปักหลักฝั่งขวา ไม่เติมขึ้นหน้าแล้วคอยสกัดบอล โดยให้มาติปยันลูกกลางอากาศ


จบสี่เกมเก็บ 12 แต้ม ยิง 9 เสีย 1 คงไม่ต้องสงสัยแล้วว่าการแก้ปัญหาเกมรับทำได้ดีแค่ไหน แน่นอนว่ายังไม่ได้พิสูจน์กับทีมระดับท็อปซิก แต่อย่าลืมว่าฤดูกาลก่อนเราเสียประตูให้กับทีมระดับกลางๆ ไปไม่น้อยทีเดียวเช่นกัน

แม้สี่นัดแรกก่อนพักเบรคทีมชาติจะมีผลการแข่งขันที่ดีที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆ นักกับลิเวอร์พูล แต่ฤดูกาลอีกยาวไกล สี่นัดแรกเพิ่งเป็นการเริ่มต้นเท่านั้น


ข่าวอื่นๆ แบบ Happy Together

Sadio Maneด้วยได้รับการโหวตจากเเฟนบอลให้ได้รับรางวัล the PFA @BristolStMotors Fans' Player of the Month! หรือผู้เล่นยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกประจำเดือนสิงหาคม


Andrew Robertson ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมชาติ Scotland คนใหม่


จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้เซ็นสัญญาใหม่ระยะยาวกับสโมสรลิเวอร์พูล หลังจากอยู่กับสโมสรมา 7 ปี



Comments


Recent Posts
Archive
Search By Tags
Follow Us
  • Facebook Basic Square
  • Twitter Basic Square
  • Google+ Basic Square
bottom of page