เศษส่วนของความสัมพันธ์
วันนั้นเป็นวันฝนตก
เรายืนอยู่ช่องว่างระหว่างห้างใหญ่แถวสยาม
.
คุณและผมสูบบุหรี่กันคนละหนึ่งมวน
อัตราเร่งในการเผาผลาญมวนยาสูบของผมยังคงชนะคุณอยู่เสมอ ก่อนผมจะหยิบมวนที่สองออกมาจุดเพื่อรอมวนแรกของคุณมอดไหม้ รถตู้โฟล์คสวาเกนสีฟ้าอ่อนวิ่งช้าๆผ่านหน้าเราไป ด้วยสีสันสนใสขนาดนั้น ร้อยทั้งร้อยไม่ว่าใครก็ต้องหันสายตาไปมอง
.
ส่วนตัวผมเองก็คงมองแล้วคงรู้สึกเพียงอืม สวยดี แค่เท่านั้น แต่ดูเหมือนมันดันไปกระตุกต่อมช่างถามบางอย่างในตัวคุณให้ผุดคำถามขึ้นมา
.
"ถ้าเกิดให้เลือกรถสักคัน เอาแบบที่ไม่ต้องคำนึงถึงราคาหรือความคุ้มค่าอะไร แต่เป็นรถที่คุณอยากใช้มันไปเรื่อยๆ คุณอยากได้รุ่นอะไรคะ?"
.
จู่ๆ คุณก็ถามผมขึ้นมาแบบนั้น หากจะว่ากันตามตรง ความรู้เรื่องเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ดูเหมือนจะไม่เคยอยู่ในหัวข้อความสนใจของผมเลย เอาเข้าจริง ความรู้เรื่องรถของคุณคงมีมากกว่าผมด้วยซ้ำไป หากคิดหยาบๆอย่างง่าย ผมคงจะเลือกรถอะไรก็ได้ ขอแค่ไม่งอแงระหว่างทางก็พอ(ถ้าเสียกลางทางที่ได้ยืนเกาหัวจนหนังศรีษะลอกแน่ๆ) เพราะสุดท้ายในทุกการเดินทาง จุดหมายก็คงอยู่ที่ปลายทางมากกว่า แต่คุณดูเหมือนจะไม่ชอบในความ 'อะไรก็ได้' จนทำเอาผมต้องยืนคิดจริงจังอยู่พักใหญ่
.
"ถ้าอยากได้จริงๆ เอาแบบเท่ๆก็คงเป็นมินิคูเปอร์มั่ง ผู้ชายตัวเตี้ยๆตันๆแบบผมจะให้ไปขับรถสปอร์ตคันใหญ่ก็คงดูเกินตัวไปนิด แต่ถ้าคุณจะหมายถึงรถที่จะอยู่กับเราตลอดไป ผมคงอยากได้รถคันใหญ่ๆแบบที่ใส่ของใส่คนได้เยอะๆ อืม เอาเป็นว่าถ้าต้องเลือกซักคัน ผมคงเลือกรถอย่างฟอร์จูนเนอร์มั้ง เอาแบบขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยนะ คิดง่ายๆเผื่อเวลาไปไหนมาไหนจะได้ชวนคนในวงโคจรไปด้วยกันได้ทั้งหมดเลย"
.
ผมตอบไปตามรถที่เคยได้สัมผัสมาบ้างและยังอยู่ในความทรงจำ อีกอย่างคือในตอนนั้นผมเองก็นึกยี่ห้อและรุ่นของรถไม่ออกมากเท่าไร ผมดับบุหรี่ เก็บก้นกรองใส่ในกล่องก่อนถามคำถามเดียวกันกลับไป ดูคุณไม่ลังเลในการคิดคำตอบ
.
"ฉันหรอคะ ถ้าให้เลือกได้ ฉันก็คงอยากได้รถโฟล์คที่คล้ายๆกันกับคันที่เพิ่งผ่านไปเมื่อครู่นี้ ภายในจะเป็นอย่างไรฉันไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันมากหรอกคะ ขอแค่ได้ขับรถสวยๆแบบที่ใครเป็นเป็นต้องเหลียวมามองก็พอ อันที่จริง คำถามนี่สำหรับฉันที่ถามคุณไปมันหมายถึงการที่คุณจะเลือกใครซักคนมาเป็นคู่ชีวิตเหมือนกันนะคะ และขอเดาว่าคุณดูเป็นคนรักครอบครัวทีเดียวเชียว และคุณเองก็คงคาดหวังไปว่าคนที่จะมาเป็นแฟนคุณเขาจะต้องรักครอบครัวของคุณ และพร้อมไปไหนมาไหนกับคุณได้เสมอ"
.
คุณยิ้มอีกครั้งหลังจากจบประโยค และนี่เป็นอีกครั้งที่คุณเดาถูก
.
"ก็คงใช่ครับ ถ้าหากเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ครอบครัวคงเป็นเพียงเหตุผลเดียวในการมีชีวิตอยู่ของผม ก่อนในตอนนี้ที่มีคุณเข้ามาเป็นเหตุผลที่สอง แต่พอเอาเข้าจริงแล้ว ผมลองมาคิดดู เหตุผลลึกๆที่ผมอยากได้รถคันใหญ่หลายที่นั่งคงไม่ใช่ในความหมายที่ว่าจะโดยสารคนได้มากนะครับ อาจจะถอดเบาะอื่นๆออกหมดเลยก็ได้ ให้พื้นที่ด้านหลังโล่งๆไปเลย ที่ผมอยากได้ มันเพียงเพราะผมอยากใช้ประโยชน์จากความกว้างและความลุยๆของมันในการเป็นยานพาหนะสำหรับเดินทางไปเรื่อยๆ และแอบหวังว่ารถคันนี้มันจะใหญ่พอบรรจุเครื่องยังชีพทั้งหลายแหล่ รวมไปถึงความคาดหวังให้มันเป็นที่พักอาศัยได้ด้วยในบางที
.
แล้วแบบคุณละครับ ผมคงเดาว่าเป็นหญิงสาวผู้รักความงาม แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากตามใคร และคนที่จะมาเป็นแฟนคุณได้คงต้องเป็นผู้ชายเท่ๆมีสไตล์ทีเดียวเชียว"
.
ผมเดากลับไปบ้าง
.
"ก็คงจะเป็นแบบนั้นนั่นแหละค่ะ อย่างที่บอกไปว่าภายในจะเป็นอย่างไรในตอนนี้ฉันเองก็คงไม่ได้ใส่ใจมากเท่าไร ขอเพียงเวลาประกาศตัวในที่สาธารณะ เขาจะต้องเป็นผู้ชายที่เท่เสียจนหลายคนต้องอิจฉาไปเลย ส่วนจะเป็นคนดีหรือไม่ ลองคบกันไปเดี๋ยวก็คงรู้เองมั้งคะ จะว่ามองคนจากภายนอกก่อนก็ไม่ผิดนัก แต่นั่นก็เป็นสิ่งแรกที่เราเห็นกันและกันไม่ใช่หรอคะ?"
.
คุณตอบคำถามและพ่นควันกลุ่มสุดท้ายออกไปปะปนกับกลุ่มฝนซึ่งอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ผมครุ่นคิดถึงรถโฟล์คสวยๆคันนั้นเปรียบเทียบกับตัวเอง ดูช่างต่างกันเหลือเกิน เหมือนผมให้ความสำคัญกับภายในในขณะที่คุณใส่ใจกับภายนอก ไม่มีใครผิดไม่มีใครถูก เรื่องของรสนิยมมันเป็นอะไรที่ไม่สามารถบังคับกันได้อยู่แล้ว
.
ฝนเริ่มซาจนเราสามารถเดินฝ่าออกไปได้โดยไม่เปียก จุดหมายปลายทางของเราในค่ำคืนนี้ถูกกำหนดไว้โดยใช้สัญญาปากเปล่าระหว่างเรา ไม่มีใครอยากเบี้ยวใคร ในช่วงเวลาแบบนี้ การที่ได้อยู่ด้วยกันกับคนที่เรารู้สึกดีไม่ว่าจะสถานที่ไหนก็สามารถทำให้วันปกติเป็นช่วงเวลาพิเศษเหนือสิ่งอื่นใด
.
"ไปถนนข้าวสารครับ"
.
ผมเรียกสามล้อบริเวณหน้าห้างลิโด้ หากราคาที่คนขับเสนอมา หักลบสภาพอากาศ ณ ตอนนี้ ผมยินดีจ่ายให้ในราคานั้นโดยไม่อิดออด ผมเชื้อเชิญคุณให้ขึ้นรถก่อน วัดตามสภาพ รถสามล้อคันนี้ ดูดีๆจะพบร่องรอยการต่อเติม ซ่อมแซมอยู่มากโข เสียงเครื่องยนต์ดังสนั่นพอๆกันกับเสียงแตร สติ๊กเกอร์ 'สู้เพื่อฝัน' ติดอยู่ใกล้ๆพวงมาลัยคนขับเห็นชัดสะดุดตา ว่าแต่ว่า ฝันอะไรกันนะที่เขาอยากไปให้ถึง...
.
กลับมาทบทวนตัวเอง ผมคิดว่าเอาเข้าจริงแล้วชีวิตมันคงเป็นแบบที่เราวาดฝันเสมอไปไม่ได้หรอก จะรถ บ้าน เราวาดฝันเสียยิ่งใหญ่เพื่อเป็นหมุดหมายให้เราปีนป่ายไขว้ขว้ามันมา ก่อนจะถึงวันที่เราเริ่มรู้สึกอ่อนล้า โรยรา จนยอมลดระดับความฝันลงมาอยู่ในจุดที่เราพอจะเอื้อมถึง เป็นความฝันในแบบพอดีที่เรารู้สึกมีความสุขกับมัน
.
เหมือนรู้ว่าความเงียบแทรกแทรงระว่างเรานานจนเกินไป
คุณจึงอาสาเป็นผู้สำลายความเงียบนั้นอย่างแผ่วเบา
.
"ที่พูดเมื่อกี้...ไม่ต้องคิดมากไปนะคะ มันไม่มีอะไรเหมือนเดิมหรอกค่ะ ทั้งสิ่งที่ฝัน สิ่งที่หวัง อย่างในวันนี้ฉันอาจจะรักคุณ แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าพรุ่งนี้ฉันจะยังรักอยู่ ความรู้สึกคนเรามันเปลี่ยนแปลงกันได้ทุกเมื่อเชื่อวันอยู่แล้ว สมมุติพรุ่งนี้ฉันตื่นมาแล้วรู้สึกว่าฉันไม่ได้รักคุณแล้ว ขอให้เข้าใจนะคะว่าคำนั้นมันไม่ได้มีความหมายว่าฉันจะไม่รักคุณตลอดกาล ซักวัน ฉันอาจจะตื่นมาแล้วกลับไปรู้สึกรักและโหยหาคุณเหมือนเดิมก็ได้ แต่ในตอนนี้ ขอให้มั่นใจนะคะว่าฉันยังรักคุณเพียงคนเดียว"
.
"เหมือนหุ้นเลยนะครับ ลุ้นเอาวันต่อวัน นาทีต่อนาทีกันไปเลย"
.
"ก็คงเป็นแบบนั้นมั้งคะ"
.
คุณตอบกลับมาและยิ้มอีกครั้ง
เป็นยิ้มที่จริงใจเสียจนทำเอาผมขนลุก
.
บนถนนเส้นคุ้นตา มหานครใหญ่ยังไม่เคยหลับไหล รถเคลื่อนตัวไปช้าสลับเร็ว เราทั้งคู่นั่งปุเลงอยุ่บนบนรถสามล้อ กระดกตัวตามความขรุขระจากถนนของเมืองหลวง คาดว่ากว่าจะถึงจุดหมายคงอีกพักใหญ่ ผมเหลือบมองคุณเป็นระยะ และคอยจับรวบเวลาเส้นผมของคุณปลิวตามลม
.
เป็นการเดินทางระยะสั้นแสนยาวนานที่ผมอยากหยุดเวลาไว้ เพราะในครั้งนี้ ทั้งผมและคุณ เราต่างเป็นผู้โดยสารด้วยกันทั้งคู่ ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งต้องเอามือไปจับพวงมาลัย ไม่มีใครคนใดต้องคอยดูเส้นทางจนไม่มีเวลาสังเกตุคนข้างๆ เราจึงนั่งรับลมสบายๆ ปล่อยให้รถเคลื่อนที่ไปตามจังหวะ
.
ณ จุดหนึ่งเมื่อยังไม่ถึงที่หมาย
ผมยิ้มในใจ
อย่างน้อยคืนนี้เรายังได้จับมือกันอยู่
ไข่ ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล อยู่ในแวดวงคนทำสื่อคอนเทนต์ และยังแอบซุ่มเขียนหนังสือ นี่เป็นเรื่องแรกของเขาใน Porcupine Blog ด้วยลีลาภาษาแบบเหงานิด เศร้าหน่อย และมีมุมมองร่วมสมัย ในลีลาแบบนักเขียนหนุ่ม