ปีกผีเสื้อในท่อน้ำหกสิบหก
ปีกผีเสื้อในท่อน้ำหกสิบหก
ในความเยาว์วัยของผม ผมเห็นผีเสื้อขยับปีก จับจ้องเกสรดอกไม้ ริเล่นกับแสงอาทิตย์ ผีเสื้อเคลื่อนไหวตามใจตน ไม่แยแสต่อกระแสลม บินไปบินมาอยู่ในทุ่งดอกไม้หลากสี
ภายในความคิดผม ผมอยากวิ่งเล่นไล่จับกับ ‘มัดดี้’ ผีเสื้อตัวนั้นในทุ่งดอกไม้ ใบหน้ายิ้มแป้น หัวเราะร่าราวกับพรุ่งนี้จะไม่มีเรื่องน่าขำใดๆอีกแล้ว สองเท้าก้าวอย่างว่องไวลู่แข่งกับสายลม ฝ่าต้นหญ้าสูงเท่าเอว ด้วยเท้าเปลือยเปล่า ไม่แยแสต่อความเหน็ดเหนื่อย ดิ้นเด้งไปกับปีกผีเสื้อ เล่นเป็นฝ่ายซ้อนฝ่ายหา เหงื่อไหลตามเรือนร่างกาย และทิ้งตัวลงกลางทุ่งดอกไม้หลากสี ถ้าผมทำแบบที่คิด ‘มัดดี้’ คงจะจากผมไปโดยที่ยังไม่ได้อำลากระมัง
ผมอยู่ในท่านอนราบกับพื้น ต้นหญ้าอ่อนนุ่มทิ่มแผ่นหลัง สายตาทอดยาวไปที่ท้องฟ้า ก้อนเมฆกำลังรีรีข้าวสารกันอยู่ ส่วนพระอาทิตย์กำลังออกท่าเป่ายิ้งฉุบกับอีกาตัวหนึ่ง นกน้อยส่งเสียงขับขาน พยายามขับกล่อม ‘มัดดี้’ ให้เคลิ้มหลับ
ในใบหูสดับรับฟังเสียงของลมกำลังเหาะเหินเดินอากาศ ดั่งกับมีวิชาตัวเบาของเหล่าจอมยุทธ พุ่งทยานไปมาอย่างไม่อายและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พร้อมส่งเสียงผ่านเหล่าใบไม้ที่เอนตัวเต้นตาม
ต้นไม้ใหญ่ทอดเงาเหนือร่าง เป็นต้นไม้อายุราวพันพันปี เขาว่ากันมาอย่างนั้น และไม่มีใครปฏิเสธคำกล่าวนั้น ต้นไม้แผ่เงาของตนกระจายร่มเงาแก่สิ่งมีชีวิตอื่น ร่มเงานั้นไม่ได้บดบังทัศนียภาพก้อนเมฆของผมแม้แต่น้อย
จมูกสูดกลิ่นบางกลิ่น เป็นกลิ่นของความสดใหม่ ไม่ใช่กลิ่นจากเครื่องดื่มในแก้วใส ไม่ใช่จากกระดาษเก่าๆเย็บพันกันเป็นหนังสือเล่มเล็กข้างกายผม ไม่ใช่กลิ่นของดินสอ ไม่ใช่กลิ่นเสื่อที่ปูนอน เป็นกลิ่นของความสดใหม่ที่ผสมจากสิ่งนั้นสิ่งนี้ จากใบไม้ของต้นไม้ใหญ่ จากดอกไม้ในทุ่งกว้าง จากต้นหญ้าสูงเท่าเอว จากมัดดี้ จากบางอย่างที่อยู่ไกลออกไป ผมจึงเคลิ้มหลับไปในทันใด
ราวกับว่าตื่นขึ้นมาอีกที ผมก็รู้สึกว่ากำลังนอนอยู่ในที่แคบ เปียกชื้น เหม็นอับ เงียบสงบ
และไม่มีแสงรอดผ่านเข้ามา ผมกวาดสายตาไปรอบๆ มองเห็นเป็นสีดำมืดมิด ร่างกายขยับไม่ได้มากนัก แต่พอจะเปลี่ยนท่าให้หายปวดเมื่อยได้ ที่นี่ไม่ใช่โลงศพ อาจเป็นที่แคบ แต่ไม่แคบเหมือนโลงศพ ที่นี่ไม่ใช่โลงศพ ไม่ใช่ใต้ดิน แต่เป็นอะไรบางอย่างที่ก่อตัวด้วยคอนกรีต
มีกลุ่มควันผ่านแทรกตัวผ่านเข้าทางช่องเล็กๆของคอนกรีต ผมพยายามสูดดมกลิ่น มันเป็นกลิ่นของบางสิ่งบางอย่างที่ผ่านกระบวนการเผาไหม้ด้วยเชื้อเพลิง คล้ายกับว่าผมอยู่ในส่วนหนึ่งของโรงงานอุตสาหกรรม
ฝนตกลงมากระทบกับคอนกรีตด้านบน มีน้ำบางส่วนหยดไหลลงมากระทบกับใบหน้าของผม เหมือนเป็นสัญญาณบางอย่างที่ตักเตือนให้รู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ความฝัน
ทันใดนั้นผมก็เกิดกลัวขึ้นมาทันที มือทั้งสองต่างคลำไปหาอะไรบางอย่างที่จะมาแก้สถานการณ์ พยายามทำเพื่อให้รอดออกจากที่แห่งนี้ ผมหายใจถี่ขึ้น กลัวมากขึ้น ไร้สติมากยิ่งขึ้น เมื่อไม่เจออะไรสักชิ้น ผมก็ตะโกนออกมา อย่างกับผู้สิ้นหวัง
ผมเริ่มตื่นตระหนก มือไม้สั่นเทา เหงื่อเริ่มไหลออกมา ดวงตาเบิกโพลง ปากร้องลั่นให้ใครสักคนได้ยิน แต่เมื่อตะโกนไปสักพักก็เริ่มคอแห้งผาก ผมไม่รู้ต้องทำอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้ ในที่คับแคบที่ชีวิตนี้ไม่เคยคิดจินตนาการออกว่าจะต้องมาติดอยู่ในสถานที่แบบนี้
ผมออกแรงชกไปที่คอนกรีตด้านหน้า ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แหกปากตะโกนลั่น หายใจถี่ขึ้นเพราะความกลัว น้ำตาไหลออกมาไม่หยุดยั้ง ผมกลัว ผมกลัวที่มืด ผมไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ถ้าหากไม่มีแสงสว่าง ผมกลัว กลัวที่แคบ ไม่สามารถขยับร่างกายได้อย่างตามใจชอบ ไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นนอกจากพลิกตัวไปมา
“หกสิบหก ท่อน้ำหกสิบหก ตรวจเช็ครอบสุดท้าย !!” เสียงของใครบางคนตะโกนดัง
“ใครน่ะช่วยด้วย !!” ผมตะโกนออกไปหลังจากได้ยินเสียงของใครบางคน เสียงนั้นชัดเจนมากเหมือนอยู่ใกล้เพียงใบหู ผมหวังว่าเขาจะได้ยิน แต่พอผ่านไป ผมเริ่มหมดหวัง
ความรู้สึกในตอนนี้ อธิบายไม่ได้ชัดเจนนัก สมองพยายามสั่งการให้เอาชีวิตรอดให้ได้ แต่ตัวผมนั้นรู้ดีว่าไม่อาจทำแบบนั้นได้ ผมตกอยู่ในความมึนงง สับสน บ้าคลั่ง ไร้สติ สิ้นหวัง และมองเห็นความตายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ผมเหมือนอยู่ในนี้มากว่าสองวัน อาหารไม่ตกถึงท้อง น้ำไม่มีสักหยด ลำคอแห้งผาก ในลิ้นเหนียวหนืด พยายามกลืนน้ำลายเพื่อดับกระหาย แต่ก็ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ท้องไส้ว่างเปล่าเหมือนโรงงานร้างจากพิษเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง กัดกร่อนเกิดเสียงโครกคราก ปวดแสบปวดร้อน ทุกข์ทรมานบิดเบี้ยว ผมเริ่มมองอะไรไม่ชัด ถึงแม้จะมีแต่ความมืด ในหัวมีภาพอาหารหลากหลาย รสชาติ กลิ่น ความนุ่มเด้งดึ่งในช่องปาก กัดเคี้ยวดังเสียงกรวบกรอบ เพิ่มรสด้วยน้ำพริก ซดน้ำซุบให้ลื่นหอ พร้อมกลืนเนื้อชิ้นใหญ่ กรอกเครื่องดื่มทดแทนสุขภาพตามทันที
ผมหิวเหลือเกิน ผมหิวจนเจียนจะกินแขนตัวเองได้อยู่แล้ว ผมยอมทรมานเจ็บปวดกับแขนที่ขาดไป เพื่อทดแทนเสียงโครกครากในท้องอันว่างเปล่า
กลุ่มควันทะลวงเข้ามาดั่งเดิม ผมสูดกลิ่น กลิ่นยังคงเป็นเหมือนเดิม เหมือนวันก่อน สองวันก่อน สามวันก่อน วันแรก ผมเริ่มรู้สึกว่าผมกำลังมีความสุข ไม่อยากออกจากที่แห่งนี้ ไม่อยากดื่ม ไม่อยากกิน ไม่อยากตะโกน ไม่อยากคิดอะไร ผมสูดดมกลุ่มควันทุกๆวัน ผมเริ่มจะชอบมัน และผมนับวินาทีเพื่อที่จะดมมันอีกครั้งหนึ่ง
หกสิบหกวันแล้ว ที่ผีเสื้อบินอยู่ในท่อน้ำคอนกรีต บินวนเวียนอย่างไร้จุดมหาย ไร้การตั้งคำถาม ไร้ซึ่งอาหารและเครื่องดื่ม ผมกำลังวิ่งเล่นกับมัน ยิ้มแป้นให้มัน กางเขนอ้าต้อนรับ และล้มตัวลงนอนเมื่อเหน็ดเหนื่อย
ผมสูดกลิ่นควันนั้น และเลิกตั้งคำถามเกี่ยวกับความหิวโหย เกี่ยวกับการคิดพยายามออกจากที่แห่งนี้ เกี่ยวกับว่าผมนั้นเป็นใครกันแน่ในโลกใบนี้
“หกสิบหก ท่อน้ำหกสิบหก ตรวจเช็ครอบสุดท้าย !!”
Comments