ปีศาจภายนอกกับปีศาจภายใน
หากไปถามท่านพุทธทาสภิกขุว่า ผีมีจริงหรือไม่ ก็อาจจะได้คำตอบว่า ผีก็คือด้านมืดของตัวเรานี่แหละ แต่หากไปถามพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ก็อาจได้คำถามว่า ทุกแห่งบนโลกนี้ล้วนมีผี เพราะไม่ว่าที่ไหนก็ล้วนมีคนตาย
พระภิกษุทั้งสองรูปต่างก็มีทัศนะต่างกัน หากผู้ถามอยากได้คำตอบที่พอใจ ก็ขึ้นอยู่กับว่าถามใครเป็นสำคัญ นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นคนเช่นใดก่อน ผู้ถามจะต้องรู้จักตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก จึงจะทำให้การปุจฉา-วิสัชนาในธรรมดังกล่าวสัมฤทธิผลได้ แต่หากถามขึ้นมาด้วยเหตุผลอื่นก็จะไม่ได้รับผลในทางที่เป็นคุณแก่ตัวเองเลย
กระนั้น หากผู้ถามต้องการรักษาความสมดุลของวิญญาณตัวเอง คือไม่ปฏิเสธคำอธิบายโลกแบบเหนือธรรมชาติ และไม่ปฏิเสธคำอธิบายแบบเจ้าปัญญา ทั้งสองอย่างนี้ล้วนเกิดประโยชน์หากนำไปไตร่ตรองให้ดีๆ ผมเป็นคนประเภทที่ยอมรับได้ทั้งโลกทัศน์ทั้งสองแบบดังกล่าว ฉะนั้นจึงพยายามหาความเชื่อมโยงเพื่อปรับสมดุลในตัวเอง
ภาพยนตร์ Insidious : The Last Key มีแก่นเรื่องที่น่าสนใจคือ ความเกลียดและความกลัวเป็นเครื่องนำให้เกิดภูตผีปีศาจภายใน ภาพยนตร์เรื่องนี้มองว่าเมื่อจิตใจอ่อนแอก็จะถูกพลังชั่วร้ายในปรโลกเข้าสิงสู่ ดลจิตดลใจให้ก่อเรื่องเลวร้าย อย่างเช่น พ่อของเอลิส กับชายผู้เช่าบ้านเดิมของเอลิสต่อๆ กันมา ต่างโดนปีศาจหนักราคะตนหนึ่งดลใจให้กระทำสิ่งเลวร้าย ด้วยการกักขังหญิงสาวไว้เป็นทาสกาม ในแง่นี้นับว่าพ่อของเอลิสกับชายคนอื่นๆ ก็คือผีตนหนึ่งเช่นกัน แน่นอนหนังยังชี้ชัดว่ามีปีศาจชั่วร้ายคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง ไม่ปฏิเสธทั้งปีศาจภายนอกและปีศาจภายใน
Insidious ภาคนี้จึงเป็นหน่อของความเชื่อโยงระหว่างโลกทัศน์ทั้งสองดังกล่าว คือยอมรับว่ามีโลกที่มองไม่เห็นทับซ้อนอยู่รอบตัวเรา ซึ่งก็อาจจะอยู่ภายในตัวเรานี่เอง ทำให้หนังเรื่องนี้มีความหมายลึกซึ้งเกินหนังสยองขวัญโดยทั่วไปด้วยเหตุนี้เอง
ฟังดูคล้ายกับว่าผมพยายามมองหาความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ซึ่งมันอาจจะดูเสมือนเรียกร้องเกินขอบเขต ผมตระหนักดีว่ามนุษย์มีเวลาจำกัด มีทรัพยากรน้อยนิด ไม่พอที่จะถมความว่างเปล่าให้เต็ม โดยเฉพาะกิเลสตัณหานั้นไม่มีทางถมได้เต็มเลย ต่อให้มีชีวิตสักแสนปีก็ตาม ผมกลับแสวงหาความสมบูรณ์ในความไม่สมบูรณ์ ฟังดูอาจมีความเป็นไปได้หากฝึกปรือตัวเองให้เต็มศักยภาพ
ผมเชื่อว่าตราบใดที่เรายังไม่เผชิญหน้ากับภูตผีภายในของตัวเราเอง ก็จะไม่มีทางเป็นอิสระจากมันได้เลย เหมือนกับการภาวนา หากปฏิเสธเวทนาคือความเมื่อยล้าก็จะไม่ผ่านพ้นความทุกข์ทางกายเพื่อก้าวไปสู่ความสุขทางใจได้
ในขณะที่มนุษย์แสวงหาความสุข กลับละเลยการตระหนักรู้ความทุกข์ไปด้วย สิ่งที่เราไม่เคยคิดถึง สุดท้ายมันจะกลับมาเยี่ยมเราอย่างน่าหวั่นผวา ทางที่ดีจงผูกมิตรกับมัน เรียนรู้มันเหมือนที่มันเรียนรู้เรา เหมือนที่มนุษย์จะต้องพบกับความเจ็บป่วยและความตายไม่วันใดก็วันหนึ่ง
สมดุลระหว่างภูตผีภายนอกกับภูตผีภายในสามารถพบกันได้ที่ทางแยกที่มองเห็นความทุกข์ในระหว่างทาง หากมนุษย์ตระหนักว่าตัวเราคือก้อนทุกข์ นั่นคือเราเห็นทั้งผีภายนอกและผีภายใน เมื่อมองเห็นแล้วทำความเข้าใจถ่องแท้ จะหาวิธีรับมือกับมัน คราวนี้ก็เกิดความเป็นไปได้ที่จะหาความบรรจบของชีวิตทั้งทางโลกและทางธรรมได้แล.
...
พีระยุทธ พลตรี
Comentarios