บทสนทนาของ ชิชา #นสทผมดข
เรากลายเป็น”คนแปลกหน้า”ของตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ ความแปลกหน้านี่หรือที่คนมักเรียกว่า”การเติบโต” คล้ายถั่วงอกที่กลายเป็นถั่วเขียว ไม่สิ่..มันต่างกัน ต่างกันสิ้นเชิง เพราะตัวตนตอนนี้ฉันพูดไม่ได้เต็มปากหรอกว่าเป็น”ตัวตนโดยสันดาน” มันคล้ายที่คุณตื่นนอนวันเสาร์ มีคนยืนอยู่ปลายเตียง “สวัสดี ตัวฉันเอง” พูดจบเขาก็เอามีดจ้วง แทงคุณ ซ้ำไปมา แต่คุณไม่ตายนะ จากนั้นคุณเห็นทุกอย่างที่ตัว(ใหม่)คุณ กอดภรรยา จูบลูก ไปทำงาน กินข้าว คุณเห็นมันทุกอย่างผ่านสายตาของตัว(ใหม่)คุณ คุณพยายามตะโกนเรียก ทำทุกวิถีทางเพื่อบอกคนอื่นว่านั่นไม่ใช่ตัวคุณ แน่นอนว่าไร้ผล กระทั่งวันหนึ่งที่คุณได้ตัวคุณกลับมา คุณยิ้มอย่างภาคภูมิที่ยึดตัวเองได้อีกครั้ง “เมื่อก่อนคุณทำงานได้ดีกว่านี้ไม่ใช่หรอ” หัวหน้าคุณพูด “คุณทำตัวแย่ลง หรือฉันคิดไปเอง” ภรรยาคุณบอก “ทำไมพ่อใจร้าย ไม่ใจดีเหมือนก่อน” ลูกคุณร้อง “มึง เคย ดี กว่า นี้” รอบข้างคุณต่างตะโกนบอก ถึงตอนนั้น คุณจะทำยังไง ใครกันแน่ที่เป็นตัวตนแท้จริง คุณหรือคุณที่เป็นตัวปลอม ? คำตอบมันแน่อยู่แล้วไม่ใช่หรือ?
เคยอ่านมาว่า “กาแฟที่ดีต้องร้อนดั่งนรก ดำขลับราวปิศาจ กลิ่นหอมเหมือนสวรรค์ และรสชาติเหมือนความรัก” ..คุณบอกว่าฉันเหมือนกาแฟ ส่วนไหนหล่ะที่เหมือน? อุณหภูมิหรือสี? ถ้าหากฉันบอกว่าชอบอะไรสักอย่าง ฉันแค่หมายถึง’ส่วนที่ชอบในสิ่งนั้นเฉยๆ’ อาจมีส่วนอื่นที่ไม่ชอบ แต่ส่วนที่ชอบมักจะบดบังมัน คนที่ชอบแมวคงไม่ชอบใจนักที่มันไปข่วนกางเกงยีนส์ตัวเก่ง แต่เพราะมีอีกหลายด้านที่เขาชอบคอยบดบังมันไว้ไม่ให้เขาเกลียดแมว กับความรักฉันก็คิดแบบนี้เช่นกัน เวลาเห็นใครสักคนพูดว่า “ฉันรักเธอมาก” แต่ก็ต้องมี’ที่มากกว่านั้น’ “ฉันรักเธอที่สุดในโลก” นอกโลกยังมีดาวอีกหลายพันดวง “ฉันรักเธอคนเดียว” ‘เธอคนเดียว’ ใช่ไง เธอมีคนเดียว คนอื่นก็เช่นกัน “ฉันคงรักใครนอกจากเธอไม่ได้อีกแล้ว” แล้วลูกหลานของเราหล่ะ มันทำให้เธอดูเห็นแก่ตัว “ไอคำพูดโง่ แกทำให้ฉันดูแย่!!” ฮะๆ
คุณว่าฉันเป็นคนประเภทไหนหรือ? หืม..ไท_ งั้นหรือ นั่นมันเป็นสิ่งที่เขียนในบัตรประจำตัวประชาชน หรืออีกนัยคือ’พาสปอร์ตในประเทศ’ คุณรู้ไหมว่าบางคน เขาไม่พอใจกับบัตรประจำตัวประชาชนเท่าไหร่ ในเมื่อเขามีสิทธิ์บนดินแดนแต่ทำไมต้องพกบัตรติดตัว แล้วมันต่างยังไงกับคนต่างชาติที่ต้องพกพาสปอร์ตติดตัวตลอด ฉันคิดว่าฉันไม่ใช่คนชาติใดชาติหนึ่ง ฉันเป็นคนทุกชาติ และฉันก็ไม่ใช่คนทุกชาติ ในเมื่อมันเป็นสิ่งซื้อขายได้ ทำไมคนต้องยึดติดขนาดนี้ บางที่เพียงมีแม่น้ำกว้างห้าก้าวเป็นเขตกั้น แต่ด้วย’ชาติ’ที่แฝงในสายน้ำนั่น คนจึงสู้รบกัน กลับมาที่เรื่องของฉัน คุณลองนึกดู หากฉันทำชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา ก็จะมีคนร้องบอกว่าคนนี้เป็นคนไท_ บางทีตัวฉันเองไม่เคยไปเหยียบประเทศไท_ด้วยซ้ำ เพียงแค่ฉันได้สัญชาติไท_จากผู้เป็นพ่อ ฉันไม่เคยใช้สวัสดิการโรงพยาบาล เรียนหนังสือ หรือแม้แต่รถไฟฟรีก็ตาม ทุกอย่างเป็นความพยายามของฉันเอง ฉันฝึกฝนด้วยตัวเอง แต่เมื่อมันสำเร็จ เขาแค่เพียงขึ้นประกาศแสดงความยินดีในฐานะคนไท_คนหนึ่ง ‘มันดูหน้าด้านหน่อยๆ’ แต่..แต่ถ้ากลับกันหล่ะ ฉันคงต้องหาชาติใหม่แน่ๆ..
ความฝัน..ต้องมีสิ่ ต้องมีอยู่แล้ว สิ่งลึกลับเปี่ยมด้วยเสน่ห์ให้คนลุ่มหลงอย่างนั้น ความฝันคือสิ่งที่น่าหลงไหลและขยาดในขณะเดียวกัน ถ้าคุณอยากฝันดี คุณก็เตรียมตัวพบหายนะทางอารมณ์ได้เลย ถ้าคุณฝันร้าย นั่นแหละคือความโชคดียามตื่น
คืนนี้เราได้พบกัน รู้จักกัน คุยกัน “คนเรารู้จักกันได้เพียงครั้งเดียว” คุณต้องตัดสินใจให้ดีว่าอยากรู้จักกับใคร เพราะเมื่อรู้จักกันแล้ว คุณจะถอยหลังไปเป็น”ไม่รู้จัก”ไม่ได้แล้ว แม้จะเจ็บปวดหรือสำลักล้นกับความสุข สิ่งที่เรียกว่า”ลืม” มันคือการ”จำ”ดีๆนี่เอง คล้ายกับมันเป็นคำสาปของความสัมพันธ์..ถึงตอนนี้ คุณได้ยื่นมือข้างนึงเข้ามาในวงคำสาป ถึงคราวต้องเลือกแล้วว่าคุณจะยอมเสี่ยงกับคำสาป หรือเดินออกไปพร้อมคำสาปเล็กน้อยในตัวคุณ..หืม??
Comments